เพื่อนๆ เคยสังเกตุกันบ้างไหมครับ ว่าเวลาที่เราทำการเชื่อต่อ Internet ด้วยมือถือหรือแท็บเล็ตของเราแล้ว มักจะมีตัวสัญลักษณ์อักษรปรากฏขึ้นมาอยู่ตรงแถบสเตตัสบาร์ด้านบนของเราอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ 2G, G, E, 3G, H, H+,R,4G,หรือ LTE เพื่อนๆ รู้กันหรือเปล่าครับว่ามันคืออะไรและมีความหมายว่าอะไรกันบ้าง ถ้าหากยังไม่รู้ผมจะมาอธิบายเพื่อเข้าใจตรงกันนะ ตามนี้
สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏเวลาเชื่อมต่อ Internet นั้นคือ สัญลักษณ์ที่บอกถึงความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลนั่นเองครับ งั้นเรามาดูความเร็วแต่ละประเภทกันครับ
2G (GSM) โหมดช้าสุด
G (GPRS – General Packet Radio Service) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดจะอยู่ที่ 48 Kbps
E (EDGE – Enhance Datarate for GSM Evolution) ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 236 Kbps
สำหรับบางรุ่นที่ไม่มีการแยกความเร็วให้มันจะขึ้นว่า 2G อัตโนมัติครับ
3G (WCDMA)
3G หรือ EDGE+ ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 384 kbps
H (HSPA – High Speed Packet Access) ความเร็วอินเตอร์เนตสูงสุด 7.2-14.2 Mbps
H+ (HSPA+ – High Speed packet access Plus) ความเร็วอินเตอร์เน็ตสูงสุด 21-42 Mbps
สรุปอย่างสั้นๆก็คือ 3G นั้นแบ่งเป็นมาตราฐานใหญ่ๆได้ 2 มาตราฐานตัวดังนี้
- CDMA2000 (ปัจจุบันไม่มีใช้แล้ว)
- UTMS
UTMS ใช้เทคโนโลยีในการส่งข้อมูลที่มีชื่อดังต่อไปนี้
- WCDMA เป็นเทคโนโลยี UTMS ในยุคแรกๆ ยังส่งข้อมูลได้ช้า
- HSPA พัฒนาต่อจาก WCDMA ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น
- HSPA+ พัฒนาต่อจาก HSPA อีกต่อหนึ่งส่งข้อมูลได้เร็วมากขึ้นอีก
ซึ่งเจ้า Android ของเราจะเข้าใจว่า WCDMA นั้นคือ 3G ก็เลยใช้คำว่า “3G” ไปเลย ต่อมามี HSPA ก็เลยเพิ่มสัญลักษณ์ “H” ขึ้นมา ต่อมามี HSPA+ มาอีกก็เลยเพิ่ม H+ ขึ้นมาอีก
R – Roaming
ส่วนบางคนที่เห็นตัวอักษร R มันคือ Roaming หมายถึง ช่วงเวลาที่โทรศัพท์ของคุณใช้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคุณไม่ได้เป็นเจ้าของในการส่งและรับข้อมูลส่วนใหญ่จะใช้กันเวลาที่เราเดินทางไปต่างประเทศ เช่น เราใช้เครือข่าย AIS อยู่และจะไปต่างประเทศซึ่งเราก็ต้องติดต่อขอ Roaming กับทาง AIS ก่อน เวลาที่เราไปต่างประเทศแล้วเราก็จะสามารถใช้มือถือได้เหมือนกับตอนที่อยู่ประเทศไทย เพียงแต่ใช้เสาสัญญาณของที่ต่างประเทศ ซึ่งการ Roaming แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะมาก ใครคิดจะใช้ควรศึกษาให้ดีๆเลยนะพลาดทีโดนไปเป็นหมื่นเลยนะครับ
ส่วนถ้าเป็นในประเทศไทยเองมันจะเป็นการ Roaming เพื่อหาสัญญาณ เช่น ถ้าคุณใช้ทรูเวลาที่มันหาสัญญาณของ TrueMove-H ไม่ได้มันก็จะค้นหาสัญญาณ True Move ให้แทนครับ (รู้สึกว่าจะมีค่ายเดียวนะที่เป็น)ซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่มันจะค่อนข้างกินแบตนึดนึงเพราะต้องค้นหาสัญญาณอยู่เรื่อยๆ
4G LTE โหมดเร็วสุด

ในส่วนของโหมดนี้หลายๆ คนคงเคยได้ยินคำว่า 4G LTE กันเป็นอย่างดีแล้ว และคงมีคำถามว่าแล้ว LTE คืออะไร ? เกี่ยวข้องกับ 4G อย่างไร ? สำหรับ LTE นั้นย่อมาจาก Long Term Evolution เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาทดลองใช้ในยุค 4G โดยเกิดจากความร่วมมือของ 3GPP (3rd Generation Partnership Project) ที่มีการพัฒนาให้ LTE มีความเร็วมากกว่ายุค 3G ถึง 10 เท่า โดยมีความสามารถในการส่งถ่ายข้อมูลและมัลติมีเดียสตรีมมิ่งที่มีความเร็วอย่างน้อย 100 Mbps และมีความเร็วในดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1 Gbps
นอกจากเทคโนโลยี LTE แล้วยังมีอีก 2 เทคโนโลยีที่ถูกนำมาทดลองใช้เหมือนกันคือ UMB (Ultra Mobile Broadbrand) ที่พัฒนามาจากมาตรฐาน CDMA2000 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในยุค 3G นั่นเอง(ในปัจจุบันไม่มีแล้ว) และ WiMax (Worldwide Interoperability for Microwave Access) เป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูง โดยพัฒนามาจากมาตรฐาน IEEE 802.16 ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกันกับ Wi-Fi แต่มาตรฐาน Wimax สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 40 ไมล์ ด้วยความเร็ว 70 Mbps และมีความเร็วสูงสุด 100 Mbps โดยปัจจุบันนี้มีเพียง 2 เทคโนยีที่ถูกนำมาใช้ในยุค 4G คือ เทคโนโลยี LTE และ Wimax ซึ่งเกือบทุกประเทศทั่วโลกใช้เทคโนโลยี 4G LTE แต่มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ใช้เทคโนโลยี 4G Wimax เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน บังคลาเทศ เป็นต้น
ที่มา Telecomtalk